
แก้กฎหมายแพ่ง-ค้างค่าส่วนกลางคอนโด
ที่ประชุม ครม. อนุมัติในหลักการ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความแพ่ง ในส่วนของการบังคับคดี โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผู้ซื้อห้องชุดจากการขายทอดตลาด
ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่เจ้าของเดิมค้างชำระ ก่อนการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ เนื่องจาก
เป็นความรับผิดชอบของเจ้าของห้องชุดเดิม โดยนิติบุคคลอาคารชุดสามารถใช้สิทธิ์ในฐานะเจ้าหนี้
บุริมสิทธิ์เหนือห้องชุดเพื่อขอรับการชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดได้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีทรัพย์สินประเภทห้องชุด อาคารชุด หรือคอนโดมิเนียม ที่ผู้ซื้อไม่มีกำลังจ่ายเงิน
ค้างค่างวดและค่าบริการส่วนกลาง สุดท้ายต้องถูกฟ้องร้อง บังคับคดี โดยจากการสำรวจพบว่ามีทรัพย์สิน
ประเภทห้องชุดที่ยังคงค้างดำเนินการอยู่ในชั้นบังคับคดี ซึ่งห้องชุดที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้มักไม่
เป็นที่สนใจของตลาดเท่าที่ควร เพราะผู้ซื้อจะต้องรับผิดชอบในค่าภาระส่วนกลางค้างชำระ
ส่วนห้องชุดที่เคาะขายทอดตลาดไปแล้ว มักมีปัญหาในขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์ เพราะผู้ซื้อ
ไม่สามารถนำใบปลอดหนี้จากนิติบุคคลอาคารชุดไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ที่สำนักงาน
ที่ดินได้ เนื่องจากสาเหตุหลายประการ เช่น ไม่มีนิติบุคคลอาคารชุดที่จะออกใบปลอดหนี้ไห้ได้ หรือ
หนี้ค่าภาระส่วนกลางค้างชำระมีจำนวนสูงเกินควร ซึ่งผู้ซื้ออาจจะไม่ทราบว่ามีค่าส่วนกลางที่ค้างชำระ
เมื่อลดปัญหาเหล่านี้ไปได้ การซื้อขายห้องชุดจะดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น จะช่วยให้มีเงินหมุนเวียนใน
ระบบเศรษฐกิจจากการซื้อขายห้องชุดได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังกำหนดการใช้สิทธิของผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี โดยแยกประเภทของผู้มี
ส่วนได้เสียอย่างชัดเจน ได้แก่ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์
เจ้าหนี้บุริมสิทธิหรือบุคคลที่มีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับทรัพย์ที่ถูกบังคับคดี รวมทั้งกำหนดให้อำนาจการ
บังคับคดีและความรับผิดของเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบความชอบด้วย
กฎหมายและดุลพินิจโดยศาลยุติธรรมเท่านั้น ไม่อาจถูกฟ้องให้ต้องรับผิดต่อศาลปกครองได้ และลด
ขั้นตอนให้ระยะเวลาในการบังคับคดีมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงาน
บังคับคดีไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากศาลก่อน โดยขั้นตอนการดำเนินการเฉลี่ยปกติจะใช้เวลา
1-1.5 ปี หรือกว่า 450 วัน ทั้งนี้ ร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับจะให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือวิปพิจารณา
ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป