ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการมอบอำนาจ
การมอบอำนาจ คือ การที่บุคคลหนึ่งเรียกว่า ตัวการ มอบให้บุคคลอีกคนหนึ่ง
เรียกว่า ตัวแทน มีอำนาจทำการแทน และการกระทำนั้นมีผลทางกฎหมาย
เสมือนว่าตัวการทำด้วยตนเอง การมอบอำนาจให้ทำกิจการใด ถ้าหากกฎหมาย
กำหนดว่าต้องทำเป็นหนังสือการมอบอำนาจให้ทำกิจการนั้นก็ต้องทำเป็นหนังสือด้วย
เช่น การซื้อขายที่ดินกฎหมายกำหนดว่าต้องทำเป็นหนังสือ การมอบอำนาจให้ขาย
ที่ดินก็ต้องทำเป็นหนังสือด้วย โดยจะใช้แบบพิมพ์ของกรมที่ดินหรือไม่ก็ได้ แต่ต้อง
มีสาระสำคัญครบถ้วน แต่เพื่อความสะดวก ควรใช้แบบพิมพ์ของกรมที่ดิน โดยผู้นั้น
จะต้องทำหลักฐานการมอบอำนาจเป็นหนังสือให้ผู้ไปทำการแทน จะต้องมอบบัตร
ประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านตัวจริง ของผู้มอบอำนาจให้กับผู้รับมอบอำนาจ
ไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ เหตุที่ต้องเอาตัวจริง เพราะถ้าจะมีการปลอมแปลงหนังสือ
มอบอำนาจก็จะต้องทำการปลอมบัตรประชาชน ทะเบียนบ้านด้วย ทำให้ทำทุจริต
ได้ยากขึ้น หากใช้แต่ภาพถ่ายก็ทำปลอมง่ายซึ่งเรื่องนี้จะต้องเข้าใจว่าสำนักงานที่ดิน
ต้องการรักษาผลประโยชน์ของประชาชน(เจ้าของที่ดินและคนซื้อ) ไม่ใช่เพื่อการ
ตุกติกให้ล่าช้าแต่อย่างใด
หนังสือมอบอำนาจมีอยู่ 2 แบบ สำหรับที่ดินมีโฉนดแล้ว กับ ที่ดินที่ยังไม่มีโฉนด
(หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นเช่นบ้านอย่างเดียว) หากจะใช้กระดาษอื่นควรเขียน
ข้อความอนุโลมตามแบบพิมพ์ของกรมที่ดิน เพราะจะได้รายการที่ชัดเจนและถูกต้อง
คำเตือนเพื่อรักษาประโยชน์ของเจ้าของที่ดินและผู้ที่เกี่ยวข้อง
(ข้อความหลังใบมอบอำนาจ)
1. ให้กรอกเครื่องหมายหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินหรือ อสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น เช่น
ตึก,บ้านเรือน,โรง,ให้ชัดเจน
2. ให้ระบุเรื่องและอำนาจจัดการให้ชัดเจนว่า มอบอำนาจให้ทำอะไร เช่น ซื้อขาย
จำนอง ฯลฯ ถ้ามีเงื่อนไขพิเศษเพิ่มเติมก็ให้ระบุไว้ด้วย
3.อย่ากรอกข้อความให้ต่างลายมือและใช้น้ำหมึกต่างสีกันถ้าใช้เครื่องพิมพ์ดีดก็ต้อง
เป็นเครื่องเดียวกัน
4. ถ้ามีการขูดลบ ตกเติม แก้ไข ขีดฆ่า ให้ระบุว่า ขีดฆ่าตกเติมกี่คำ และผู้มอบอำนาจ
ต้องลงลายมือชื่อกำกับไว้ด้วยทุกแห่ง
5. อย่าลงลายมือชื่อผู้มอบอำนาจ ก่อนกรอกข้อความครบถ้วน และถูกต้องตามความ
ประสงค์แล้วหรืออย่าลงชื่อในกระดาษเปล่าซึ่งยังมิได้กรอกข้อความเป็นอันขาด
6. ให้มีพยานอย่างน้อย 1 คน ถ้าผู้มอบอำนาจพิมพ์ลายนิ้วมือต้องมีพยาน 2 คน
พยานต้องเซ็นชื่อจะพิมพ์ลายนิ้วมือไม่ได้
7. หนังสือมอบอำนาจทำในต่างประเทศควรให้สถานทูตหรือสถานกงสุลหรือ
โนตารีปับลิค (notary public) รับรองด้วย บางเรื่องผู้มอบอำนาจเป็นผู้รับมอบ
อำนาจจากทั้งสองฝ่ายคือเป็นตัวแทนทั้งฝ่ายผู้โอน และผู้รับโอนในกรณีเช่นนี้
ผู้มอบอำนาจจะต้องระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจด้วยว่า ยินยอมให้ผู้รับมอบเป็น
ผู้แทนอีกฝ่ายหนึ่งได้ด้วย (มาตรา 805 แห่ง ป.พ.พ.)
ในส่วนผู้รับซื้อหรือผู้รับสิทธิในนิติกรรมมีหน้าที่ระมัดระวังด้วยโดยจะต้องรู้จัก
ตัวเจ้าของที่ดินที่แท้จริง ต้องรู้จักเจ้าของที่ดินว่ามีตัวตนและมีชีวิตอยู่หรือไม่
มีเจตนาจะขายที่ดินจริงหรือไม่ หากไม่รู้จักเจ้าของที่ดินที่แท้จริงเสียเลยย่อม
เป็นการผิดวิสัย ถ้าไม่แน่ใจก็อาจขอตรวจดูหลักฐานที่ดินที่สำนักงานที่ดินก่อนได้
คำชี้แจงเพิ่มเติม
1. ให้ลอกเครื่องหมายที่ดินจากตัวโฉนดใส่ให้ครบทุกช่อง (ลอกให้หมดแม้ข้อความ
ในวงเล็บ/ถ้ามีด้วย เช่น อำเภอเมือง(นครชัยศรี)) ซึ่งข้อความในแบบพิมพ์หนังสือ
มอบอำนาจชัดเจนอยู่ในตัวแล้ว ยกเว้นเพียงคำว่า เลขที่……..ซึ่งคนส่วนมากจะสงสัย
ว่าเลขที่อะไร เลขที่…….ในที่นี้หมายถึงเลขที่ดิน……. กับอีกเรื่องหนึ่งการนับอายุจะต้อง
นับปีย่างไม่ใช่ครบปีบริบูรณ์ เช่น 21 ปีบริบูรณ์เวลากรอกต้องใส่ว่า 22 ปี ทางที่ดินเขา
ถือปฏิบัติอย่างนี้มาตลอด
2. การเขียนหนังสือมอบอำนาจไม่มีข้อความตายตัว ตัวอย่างที่ยกมาให้ดูนี้มุ่งให้มีความ
ชัดเจนที่สุดไม่ให้เกิดข้อสงสัย ข้อความจึงอาจต่างจากที่เคยพบเห็นได้ และบางกรณี
ผู้เขียนเองก็จงใจจะใช้ข้อความที่ให้แตกต่างหรือสลับลำดับกันออกไปบ้าง ก็เพื่อให้เห็นว่า
อย่างนี้ก็ใช้ได้ ในการกรอกข้อความถ้าหากช่องว่างไม่พอก็ให้เขียนลงไปในที่ว่างที่
ต่อเนื่องกันได้ จนครบข้อความที่ต้องการเขียน และให้สังเกตว่าจะต้องจบลงด้วยคำว่า
“ตลอดจนให้ถ้อยคำต่าง ๆ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่” เสมอ เพราะการมอบอำนาจให้
ดำเนินการใด ๆ จะต้องมีการสอบสวนให้ถ้อยคำยืนยันเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำ
นิติกรรมเสมอ
3. เนื่องจากข้อความต่าง ๆ เป็นไปตามแบบพิมพ์แล้ว จะมีส่วนที่เปลี่ยนแปลงก็เฉพาะ
ชื่อเรื่องกับสิ่งที่มอบหมายให้ดำเนินการเท่านั้น การให้ตัวอย่างจึงจะยกแต่ชื่อเรื่อง
และการมอบให้จัดการ รวมทั้งลักษณะเหตุการณ์จริงที่ทำให้เกิดการมอบอำนาจ
เท่านั้น (ให้พิจารณาเลือกตัวอย่างให้ตรงกับลักษณะเหตุการณ์จริง บางกรณีก็
ดัดแปลงขอความเอาเองได้ตามรูปเรื่อง)
4. หนังสือมอบอำนาจหนึ่งฉบับจะมีคนมอบอำนาจร่วมกันหลายคนก็ได้ แต่ควรเป็น
การมอบให้ขายด้วยกัน หรือซื้อด้วยกัน เพราะข้อความจะไม่สับสนและต้องกรอกอายุ
ชื่อพ่อแม่ ให้ถูกต้องตรงกับลำดับชื่อคนมอบแต่ถึงแม้ว่าจะมอบอำนาจในฉบับเดียว
กันได้ ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ แล้วไม่ควรมอบอำนาจในฉบับเดียวกัน
5. หนังสือมอบอำนาจฉบับเดียวกันจะมอบให้ดำเนินการหลายเรื่องก็ได้ไม่มีข้อห้าม
แต่ต้องเขียนให้ชัดอย่าสับสน
6. หนังสือมอบอำนาจต้องให้มีพยานเซ็นด้วยหนึ่งคน การให้คู่สมรสของผู้มอบอำนาจ
เซ็นต์เป็นพยานก็เป็นสิ่งที่ทำได้และทำหนังสือยินยอมให้คู่สมรสทำนิติกรรมควบคู่ไปด้วย
7.ในการพิมพ์นิ้วมือ กรมที่ดินให้ใช้พิมพ์หัวแม่มือซ้าย ไม่ใช่ข้างขวา เรื่องนี้เป็นวิธีการ
ปฏิบัติมาแต่ต้นแล้วเพราะเขาเห็นว่ามือขวาส่วนใหญ่ใช้งานหนักลายมืออาจสึกมาก
กว่าด้านซ้าย(ไม่ต้องถามว่าแล้วคนถนัดซ้ายล่ะ นั่นมันก็จริงแต่เขาเอาส่วนใหญ่ไว้ก่อน)
8. หนังสือมอบอำนาจเมื่อทำขึ้นแล้วต้องรีบไปดำเนินการโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
หากปล่อยไว้นานเจ้าหน้าที่อาจไม่ดำเนินการให้ เพราะไม่แน่ใจว่าผู้มอบอำนาจยังมี
ชีวิตอยู่ หรือว่ามีการยกเลิกหนังสือมอบอำนาจหรือไม่
9. กรณีที่คิดว่าจะเซ็นชื่อไม่คล้ายลายเซ็นเดิม และไม่สามารถไปดำเนินการด้วย
ตัวเองได้จริง ๆ ให้ผู้มอบอำนาจไปติดต่อที่อำเภอ เพื่อทำหนังสือมอบอำนาจต่อหน้า
นายอำเภอ ซึ่งนายอำเภอจะดำเนินการให้และจะพิมพ์ข้อความรับรองว่าได้เซ็นต่อหน้า
และประทับตรารับรองมาด้วย ปกติเมื่อเจ้าหน้าที่ที่ดินเห็นมีคำรับรองมาก็จะดำเนินการ
จดทะเบียนให้ (แน่นอนว่าหลังตรวจสอบข้อมูลอื่น ๆ แล้วไม่ผิดพลาด) แม้ว่าลายเซ็นต์
จะไม่คล้ายของเดิมมากนักก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามถ้าลายเซ็นผิดเพี้ยนไม่มีเค้าเดิม
เจ้าหน้าที่ก็อาจไม่ดำเนินการ ให้ เพราะปกติถ้ามาดำเนินการด้วยตนเองและลืมว่า
เดิมเซ็นต์อย่างไร แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ให้ดูลายเซ็นเดิมก็มักจะจำได้ และเซ็นต์ได้แบบ
มีเค้าเดิมมากและบางครั้งก็เซ็นต์ได้